วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


บทที่ 1

บทนำ

ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการก่อสร้างและวัสดุศาสตร์ทำให้ในปัจจุบันอาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทางวิศวกรรม มีความสูงและมีความชะลูดมากขึ้น อีกทั้งน้ำหนัก และความหน่วงต่อการสั่นไหวน้อยลง จึงทำให้มีการสั่นไหวได้ง่าย อีกทั้งแรงลมเป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องในการออกแบบด้วยความที่อาคารยิ่งสูงขึ้นนั้นความเร็วลมจะมีผลมากขึ้นตาม และอาจทำให้ผู้ใช้อาคารรู้สึกได้ถึงการสั่นไหวและความไม่ปลอดภัยต่าง ๆ ซึ่งการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นอาจก่อให้เกิดการวิบัติเนื่องจากการกำทอนไปสอดคล้องกับความถี่ธรรมชาติและความล้าของวัสดุ

1.1 ความสำคัญของปัญหา

ในปัจจุบันวิวัฒนาการด้านการสร้างอาคารมีการออกแบบอาคารที่มีความสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทราบถึงผลกระทบของแรงต่าง ๆ ที่กระทำต่อโครงสร้างอาคารเพื่อทำให้องค์อาคารที่ได้ออกแบบให้มีความสูงมาก ๆ สามารถต้านทานแรงกระทำต่อโครงสร้างได้ ซึ่งแรงที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการออกแบบโครงสร้างอาคารสูง ก็คือแรงลม ซึ่งลมคือการเคลื่อนที่ของอากาศจากความไม่สม่ำเสมอของความร้อนที่ผิวโลก และลมจะเคลื่อนที่จากอุณหภูมิสูงไปอุณหภูมิต่ำ (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2554) ลมจะเกิดการเคลื่อนที่และเกิดความเร็วลม จึงทำให้ส่งผลกระทบต่อองค์อาคารที่มีการออกแบบให้มีความสูงและ Slender ซึ่งจะทำให้เกิดการแอ่นตัว (Deflection) หากออกแบบมาโดยไม่คำนึงถึงแรงลมนั้นจะทำให้ ผู้ใช้อาคารรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อการใช้อาคารและทำให้ส่งผลกระทบต่อประโยชน์ใช้สอยของอาคาร
ดังนั้นการออกแบบจึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความแข็งแรงขององค์อาคารเป็นหลัก โดยคำนึงถึงปัจจัย มาตรฐานพฤติกรรมและความรู้พื้นฐานประเภทของโครงสร้างอาคารสูงแบบต่าง ๆ ที่มีผลต่อการออกแบบอาคารต้านทานแรงลม   เช่น การออกแบบให้รูปทรงมีความสามารถในการสลายแรงลมที่มาปะทะกับองค์อาคาร การเพิ่ม Stiffness และการเพิ่มความหน่วงให้กับองค์อาคารเพื่อจะทำให้องค์อาคารสามารถต้านทานแรงลมที่อาจเกิดขึ้นได้
จากเหตุผลดังกล่าวเพื่อให้ทราบถึงข้อมูลพื้นฐานและปัจจัยที่สำคัญในการออกแบบอาคารต้านทานแรงลม รวมถึงการศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมการโยกตัวของอาคารเมื่อรับแรงลม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้วิศวกรเข้าใจถึงปัญหาและสามารถหาแนวทางแก้ไขและออกแบบได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการจัดทำโครงงานนี้ขึ้น เพื่อช่วยในการออกแบบอาคารต้านทานแรงลม

  



1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน

                1.    ศึกษาหลักการปรับแต่งรูปทรงอาคารสูง เพื่อลดผลของแรงลม
                2.    ศึกษาการเลือกระบบโครงสร้างอาคารสูงประเภทต่าง ๆ เพื่อต้านทานแรงลม
                3.    ศึกษาหลักการลดการสั่นไหวของอาคารสูง ภายใต้แรงลม โดยการเพิ่มความหน่วงให้กับอาคาร
                4.    ศึกษามาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอาคารสูงต้านทานแรงลม


                ขอบเขตของโครงงาน

1.     ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของแรงลม ตลอดจนศึกษาพฤติกรรมแรงลมที่ส่งผลต่อรูปทรงอาคาร
2.     หลักการปรับแต่งรูปทรงอาคาร การเลือกระบบโครงสร้างอาคาร
3.     การเพิ่มความหน่วงในกับองค์อาคาร เพื่อลดการสั่นไหวของโครงสร้างอาคารสูง โดยระบบควบคุมการสั่นสะเทือนโดยใช้มวลหน่วง แบบ TMD และ TLD เท่านั้น
4.     มาตรฐานที่ใช้ออกอาคารสูงที่สามารถต้านทานแรงลมในประเทศไทยเท่านั้น




1.3 ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการทำโครงงาน

                1.    มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพลศาสตร์และพฤติกรรมของแรงลม
                2.    มีความรู้ความเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อการออกแบบอาคารต้านทานแรงลม เช่น การปรับเปลี่ยนรูปทรงอาคาร 
                       สูงเพื่อลดผลของแรงลม, การเลือกระบบโครงสร้างอาคารสูง หลักการลดการสั่นไหวของอาคารสูง 
                       โดยการเพิ่มความหน่วง
                3.    ได้เรียนรู้มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอาคารต้านทานแรงลมในประเทศไทย
                4.    โครงงานนี้สามารถเป็นแนวทางให้กับผู้ที่ศึกษาและสนใจได้